หนึ่งในสังเวียนความเร็วที่ขึ้นว่ามีมนต์สเน่ห์และท้าทายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นสนามแข่งที่สร้างนักบิดระดับโลกมาแล้วมากมาย วันนี้ Fox Sports Thailand ขอพามาทำความรู้จักกับสนามแข่งที่ได้รับการขนานนามว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่าง “ซาน มาริโน่ และ ริเวียร่า ดิ ริมินี่”
สนามประลองความเร็วในแคว้น เอมิเลีย โรมันญ่า ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1972 ซึ่ง โดยสนามแห่งนี้จัดการแข่งขันระดับ กรังด์ปรีซ์ ภายในประเทศเป็นครั้งแรกในปี 1981 ร่วมกับอีกหนึ่งสนามที่อยู่ในแคว้นติดกัน อย่าง มูเจลโล่ เซอร์กิต ที่แคว้นทอสคานี ก่อนที่จะได้รับการปรับปรุงเรื่อยมา จนเสร็จสมบูรณ์แบบในปี 2007 และได้กลายเป็นสถานที่จัดงานประจำบนปฏิทินการแข่งขัน โมโตจีพี นับตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบัน ภายใต้ชื่อสนามใหม่ว่า มิซาโน่ อาเดรียติโก เวิล์ด เซอร์กิต
โดยสนามของแดนรองเท้าบูตได้รับการปรับปรุงครั้งสำคัญด้วยงบประมาณมหาศาล ทั้งระบบสาธารนูปการ ,ผังสนาม และที่นั่งชมหลักของสนามที่มีความจุผู้ชมสูงสุดได้ถึง 60,000 คน ตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก ความยาวของทางวิ่งของสนาม 4,200 เมตร ทั้งยังเป็นการแข่งขันวิ่ง ตามเข็มนาฬิกา (วนขวา) ซึ่งเหมาะสำหรับการแข่งขันชิงแชมป์โลก อย่างแท้จริง
มิซาโน่ อาเดรียติโก เวิล์ด เซอร์กิต ความยาวสนามทั้งหมด 5.9 กิโลเมตร มี 16 โค้ง ประกอบไปด้วย โค้งซ้าย 6 โค้ง โค้งขวา 10 โค้ง ความกว้างของสนาม 14 เมตร ช่วงทางตรงที่ยาวที่สุด ยาว 530 เมตร ในรุ่นโมโตจีพี จะแข่งกันทั้งหมด 27 รอบ รวมระยะทางทั้งสิ้น 114.1 กิโลเมตร
นักบิดระดับโลกมากมายก็เติบโตขึ้นมาจากสนามแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น เดอะ ด็อกเตอร์ วาเลนติโน่ รอสซี่ ,อันเดรีย โดวิซิโอโซ่ รวมไปถึง มาร์โก้ เมลันดรี้ ก็เป็นนักแข่งที่ผูกพันธ์กับสนามแห่งนี้ และหากใครยังจำกันได้เมื่อปี 2012 สนามแห่งนี้มีการเปลี่ยนชื่อสนามเป็น “มิซาโน่ เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก้ ซิมอนเซลลี่” เพื่อไว้อาลัยต่อการจากไปแบบไม่มีวันกลับของ มาร์โก้ ซิมอนเซลลี่ อีกหนึ่งนักแข่งท้องถิ่นจากที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในการแข่ง โมโตจีพี 2011 มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ ณ สนาม เซปัง เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2011
จุดน่าสนใจของสนาม “มิซาโน่ เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก้ ซิมอนเซลลี่” น่าจะเป็นความสนุกของตัวผังสนามที่มีความน่าสนใจ ทั้งโค้งที่มีต่อเนื่อง รวมทั้งต้องใช้ความเร็วสูงในการเข้าโค้ง โค้งขวา ยางหน้าน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้ คอมปาว ของยางให้เหมาะสม ทั้งนี้ลมก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญของโค้งที่ต้องใช้ความเร็ว และจุดที่สามารถแซงได้ ตั้งแต่ โค้ง 1-2 โค้ง 8 ช่วงตั้งแต่ โค้ง 10 11 12 ต่อเนื่อง ซึ่งต้องใช้ความเร็ว และการควบคุมรถในการเข้า โค้งขวาต่อเนื่อง ที่ต้องแม่นไลน์ในการขับขี่อย่างมาก รวมทั้ง โค้ง 15 16 สามารถแซง เพื่อแย่งชิง เข้าเส้นชัยได้อย่างดุเดือด ต้องเรียกว่า เป็นอีก 1 สนามที่มีความสนุกสนานของการแข่งขันจักรยานยนต์มีครบทุกรส ซึ่งไม่แปลกใจที่นักแข่งส่วนมากจะชื่นชอบสนาม มิซาโน่ โดยยกให้เป็นสนามที่สวยงามและมีความท้าทาย
โดยตัวเต็งในสนามนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ฆอร์เก้ ลอเรนโซ่ นักขับจากสเปน เจ้าของสถิติแชมป์ 3 สมัย ณ สนามแห่งนี้ โดยต้องมาลุ้นกับทางด้าน ผู้นำที่มีคะแนนสะสมประจำปี อย่าง มาร์ค มาร์เกวซ นักบิดเพื่อนร่วมชาติ ที่เป็นแชมป์เก่าในปี 2017 นอกจากนี้นักแข่งที่น่าจับตาของเจ้าถิ่นและมีโอกาสสร้างเซอร์ไพร์ส แถมยังเป็นตัวแปรที่ไม่สามารถจะมองข้ามประกอบไปด้วย อันเดีย โดวิซิโอโซ่ ,ดานิโล่ เปตรุซซี่ รวมไปถึง วาเลนติโน่ รอสซี่ นักขับชื่อดังที่มีสถิติ แชมป์ 3 สมัยที่สนามแห่งนี้เช่นกัน ซึ่งดูแล้ว เดอะ ด็อกเตอร์ รอสซี่ น่าจะเป็นความหวังสูงสุดของแฟนๆเจ้าถิ่นในการแข่งขันสนามที่ 13 นี้
รายละเอียดและสถิติของสนาม “มิซาโน่ เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก้ ซิมอนเซลลี่”
กรณี ธงแดง 20 รอบ (3/4 ของรอบทั้งหมด)
สถิติสนาม
1’32.979 โดย ดานี่ เปโดรซ่า
ความเร็ว เฉลี่ยที่ 140.0 km/h – 2016
สถิติ ชนะมากสุด
#99 – ฆอร์เก้ ลอเรนโซ่ -3 win
สถิติเวลาเร็วสุดต่อรอบ
#93 – มาร์ค มาร์เกวซ 1’31.868 – Avg speed 165.6 km/h – 2016
สถิติ ทำเวลาเร็วสุดใน การควอลิฟาย
#93 – มาร์ค มาร์เกวซ 1’31.868 – Avg speed 165.6 km/h – 2016
สถิติความเร็วสูงสุด
#04 – อันเดรีย โดวิซิโอโซ่ 299.5 km/h – 2015
ผลงานล่าสุดที่สนามนี้ ปี 2017
1st – มาร์ค มาร์เกวซ จาก เรปโซล ฮอนด้า ทีม
2nd – ดานิโล่ เปตรุซซี่ จาก อ็อคโต้ ปราแม้ค เรซซิ่ง
3rd – อันเดรีย โดวิซิโอโซ่ จาก ดูคาติ ทีม
สำหรับการแข่งขัน โมโตจีพี สนามที่ 13 รายการ ซาน มาริโน่ และ ริเวียร่า ดิ ริมินี่ จะเริ่มแข่งขันรุ่น โมโตจีพี ในวันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2561 เวลา 19:00 น. เป็นต้นไป